ใครเผากรุงศรีอยุธยา
การเล่าประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยาแตกเมื่อปี พ.ศ. 2310 พม่าย่อมตกเป็นผู้ร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อพม่าได้ชัยชนะแล้วก็เปิดฉากเผาและปล้นเอาทรัพย์สมบัติของกรุงศรีฯ ไปเป็นอันมาก คนไทยจำนวนหนึ่งถึงขนาดร่ำลือกันไปว่า ทองที่หุ้มเจดีย์ชเวดากองนั้นก็เป็นทองที่ปล้นไปจากอยุธยา แต่อย่างไรก็ดี เจดีย์ชเวดากองนั้นสร้างขึ้นก่อนกรุงแตกหลายร้อยปี (นักประวัติศาสตร์คาดว่าจะสร้างขึ้นในราว คริสต์ศตวรรษที่ 6-10) และประเพณีหุ้มทองเจดีย์ก็อาจจะมีมานานแล้วก็ได้ แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ พม่าคงจะร่ำรวยขึ้นพอควรจากการปล้นกรุงศรีฯ ในครั้งนั้น
พม่าใช้เวลาปล้นอยุธยาได้ไม่กี่วัน ก็ต้องเลิกเนื่องจากมีคำสั่งจากกษัตริย์พม่าให้รีบยกทัพกลับ เหตุเพราะเกิดศึกประชิดติดพันด้านอื่น
พม่าไปแล้ว ก็มีทั้งคนไทย จีน และคนต่างศาสนา พากันไปขุดตามเจดีย์ รื้อทำลาย หวังทรัพย์สมบัติที่ซ่อนอยู่ภายใน ถ้าเป็นโลหะก็หลอมหล่อส่งเรือสำเภาส่งไปขายเมืองจีนหลายลำเรือ
ฝรั่งบันทึกว่า ในแผ่นดินพระเจ้ากรุงธนบุรี คนไทยคนจีนไม่มีอะไรจะทำขึ้นหน้าขึ้นตา เท่ากับไปขุดค้นหาสมบัติในกรุงเก่า ถึงขนาดพระเจ้าตากต้องส่งคนไปเก็บภาษี ขุดขึ้นมาแล้ว ก็เอาไม้จากประตูพระวิหารพระอุโบสถ เป็นฟืนเผาหล่อหลอมโลหะ สมัยนั้นใครเดินทางไปทางไหน ก็เจอแต่เถ้าถ่าน นอกจากนักขุดธรรมดา ยังมีพวกนักขุดตามลายแทง แล้วสมัยนั้นก็ให้มีลายแทงให้ต้องตีความ ต้องค้นหากันมากนักหนา เจดีย์ วิหาร อุโบสถ วัดต่างๆ ซึ่งถูกขุดค้นไปแล้ว ก็ถูกขุดซ้ำ จนย่อยยับกระบวนการขุดค้น...ทำกันได้โดยเปิดเผย ไม่มีใครยับยั้ง
ประการต่อมา เนื่องจากมีความจำเป็นจะต้องสร้างเมืองใหม่ที่บางกอก จึงต้องมาขุดรื้อทลายกรุงเก่า ขนเอาอิฐบรรทุกลงเรือไปใช้ในการก่อสร้าง ขนกันแล้วขนกันเล่า ไม่เคยหยุด การสร้างวัดพระเชตุพนฯ มีบันทึกเป็นทางการ ต้องเอาอิฐจากกรุงเก่ามาถมเป็นรากฐาน ว่ากันว่าอิฐเก่าแข็งแกร่ง ดีกว่าอิฐที่เผาขึ้นใหม่ มาถึงสมัยสงคราม กรมศาสนามีดำริให้มีการประมูลซื้ออิฐจากวัดร้าง ครั้งนั้นจึงมีการทำลายวัดวาอารามย่อยยับยิ่งกว่าครั้งใด เพราะเป็นการกระทำที่ไม่ต้องหลบซ่อน ทำกันอย่างเปิดเผย
ด้วยเหตุนี้เอง วัดเก่าจึงไม่มีอิฐเหลือ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น